
วันพุธที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2553
วันจันทร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2553
สถานีโทรทัศน์ทีวีสีชอง3

1. ชื่อเรื่อง
- สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3
2. ข้อมูลเบื้องต้น
- สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เกิดขึ้นจาก บริษัท บางกอก เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด (อังกฤษ: Bangkok Entertainment Company Limited; ชื่อย่อ: บีอีซี.; BEC ปัจจุบันอยู่ในเครือบีอีซี เวิลด์) ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งเป็นบริษัท เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 โดยนายวิชัย มาลีนนท์ และ บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ลงนามร่วมกัน ในสัญญาดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์ เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2511 โดยมีอายุสัญญา 10 ปี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2513-25 มีนาคม พ.ศ. 2523
โดยตามสัญญา กำหนดให้มีที่ดินไม่น้อยกว่า 6 ไร่ เพื่อก่อตั้งสถานีส่งออกอากาศ พร้อมทั้งสิ่งก่อสร้าง และอุปกรณ์การส่งโทรทัศน์ทั้งหมด รวมมูลค่าไม่ต่ำกว่า 25 ล้านบาท โดยจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ ของบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด ทันที เมื่อเริ่มส่งออกอากาศ แต่เมื่อลงทุนจริง บริษัทฯ ใช้ทุนไปทั้งสิ้น 54.25 ล้านบาท สูงกว่าในสัญญา 29.25 ล้านบาท และระหว่างการร่วมดำเนินกิจการตามสัญญา ในระยะเวลา 10 ปีนั้น บริษัทฯ ต้องจ่ายค่าตอบแทน แก่บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด เป็นเงิน 44 ล้านบาท และเงินสวัสดิการ แก่พนักงานบริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด อีกปีละ 1 ล้านบาท รวมเป็น 10 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 54 ล้านบาท
อนึ่ง บริษัทฯ ได้รับอนุมัติให้ขยายอายุสัญญาดำเนินกิจการส่งโทรทัศน์ กับองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย (อ.ส.ม.ท.) ซึ่งแปรรูปมาจาก บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด เมื่อปี พ.ศ. 2520 มาแล้วสองครั้ง คือเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2521 ขยายออกไปอีก 10 ปี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2523-25 มีนาคม พ.ศ. 2533 และในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 ขยายออกไปอีก 30 ปี ระหว่างวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2533-25 มีนาคม พ.ศ. 2563
ต่อมา เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2513 ไทยทีวีสีช่อง 3 เริ่มทดลองออกอากาศ โดยใช้กำลังส่งเต็มระบบคือ 50 กิโลวัตต์ ด้วยเครื่องส่งขนานเป็นครั้งแรก ระหว่างเวลา 19.00-21.00 น. จากนั้น ในวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2513 ทางสถานีฯ เริ่มทดลองแพร่ภาพออกอากาศแบบเสมือนจริง ระหว่างเวลา 09.30-24.00 น. และเริ่มออกอากาศอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2513 ตามเวลาฤกษ์ คือ 10.00 น. โดยมีจอมพลถนอม กิตติขจร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดสถานีฯ
เมื่อราวต้นปี พ.ศ. 2512 มีพิธีวางศิลาฤกษ์อาคารที่ทำการสถานีฯ บนที่ดินขนาด 6 ไร่เศษ บริเวณกิโลเมตรที่ 19 ถนนเพชรเกษม เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร โดยอาคารดังกล่าว มีความสูง 4 ชั้น ภายในเป็นห้องส่งขนาด 600 ตารางเมตร 2 ห้อง, ขนาด 500 ตารางเมตร 2 ห้อง และขนาด 110 ตารางเมตร อีก 1 ห้อง โดยแต่ละห้องส่งจะมีห้องควบคุมเฉพาะ ซึ่งมีการติดตั้งระบบไซโครามา สูง 7.5 เมตร กว้าง 47 เมตร ใช้ประดิษฐ์ภาพฉากท้องฟ้า ซึ่งก่อให้เกิดความชัดลึก และเปลี่ยนสีให้กับฉากได้เสมือนจริงอีกด้วย ทั้งนี้ เมื่อเริ่มแพร่ภาพออกอากาศแล้วทางสถานีฯ ต้องส่งมอบอาคาร และที่ดินดังกล่าว ตลอดจนเครื่องส่งโทรทัศน์ และอุปกรณ์การออกอากาศต่างๆ ให้เป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท ไทยโทรทัศน์ จำกัด โดยทันที
ต่อมาได้แยกส่วนของสำนักงาน มายังอาคารเลขที่ 2259 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ และจัดสร้างห้องส่งโทรทัศน์ บนชั้น 8 ของอาคารโรบินสัน จากนั้น เมื่อวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2529 จึงได้รวมส่วนงานที่กระจายอยู่ 3 แห่ง มารวมศูนย์อยู่ที่อาคารวานิช 1 และ 2 บริเวณแยกวิทยุ-เพชรบุรี (ถนนวิทยุตัดกับถนนเพชรบุรีตัดใหม่) เพื่อเพิ่มความสะดวกในการดำเนินงานให้คล่องตัวมากขึ้น และในราวปี พ.ศ. 2542 สถานีฯ ย้ายอาคารที่ทำการทั้งสามส่วนงาน ขึ้นไปยังอาคารเอ็มโพเรียม ถนนสุขุมวิท[2]
ในปัจจุบัน (ตั้งแต่ พ.ศ. 2547) จึงย้ายมายังอาคารที่ทำการปัจจุบัน โดยมี บมจ.บีอีซีเวิลด์ เป็นเจ้าของด้วยตนเองคือ อาคารมาลีนนท์ (เดิมเป็นอาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท เอสโซ่ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน)) เลขที่ 3199 ถนนพระรามที่ 4 เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 2 อาคาร โดยอาคาร เอ็ม 1 เป็นที่ตั้งสำนักงานบริษัทฯ และ อาคาร เอ็ม 2 เป็นส่วนปฏิบัติการออกอากาศ[1]
3. วัตถุประสงค์
- เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3
- เพื่อสร้างการรับรู้ข้อมูลให้กับสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3
- เพื่อสร้างการยอมรับให้กับสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง3
- เพื่อสร้างความมั่น

4. กลุ่มเป้าหมายหลัก
ด้านกายภาพ
- ชาย/หญิง/เด็ก/คนชรา
- โสด/สมรส
- ไม่จำกัดอายุด้านจินตภาพ
- เป็นบุคคลที่ชอบดูรับชมข่าวสาร สาระบันเทิง และรายการทางสื่อโทรทัศน์ สื่อวิทยุ และสื่ออื่นๆ
5. แนวความคิด (Concept)
- รู้ลึกทุกสถานการณ์
6. เหตุผลสนับสนุนแนวคิด (Support)
- ให้ความรู้ความบันเทิงพร้อมกับการข่าวสารที่สอดแทรกแนวความคิดใหม่
7. อารมณ์และความรู้สึก (Mood & Tone)
- สนุก สุขใจ เร้าใจ



แนวโน้มการนำเสนองานนิเทศศาตร์

1.ชื่อเรื่อง (Title)
ดนตรีเต็มที่ด้วยกันได้
2.ข้อมูลเบื้องต้น (Background)/SWOT
เป๊ปซี่ โคล่า คือ เครื่องดื่มอัดลมที่ผลิตโดยบริษัทเป๊ปซี่ ซึ่งเป็นบริษัทคู่แข่งรายสำคัญของโคคา โคล่า เป๊ปซี่ โคล่ากำเนิดขึ้นครั้งแรกโดยการคิดค้นของเภสัชกรคาแร็ป แรดแฮมที่นิวเบิร์น นอร์ทแคโรไลนา ในช่วงทศวรรษ1800-1900 แรกเริ่มเครื่องดื่มชนิดนี้ถูกตั้งชื่อว่า "เครื่องดื่มของแบรด (Brad's drink)" โดยมีเจตนาจะผลิตเครื่องดื่มชนิดนี้ขึ้นเพื่อช่วยรักษาอาการปวดท้อง ต่อมาแรดแฮมจึงตั้งชื่อเครื่องดื่มนี้ว่าเป๊ปซี่จากอาการปวดท้องที่เรียกว่า ไดเป๊ปเซีย ชื่อเป๊ปซี่นั้นจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 1903 ส่วนผสมของเป๊ปซี่ถือเป็นความลับทางการค้าเช่นเดียวกับสูตรผสมของ โค้ก เคเอฟซี และแม็คโดนัลด์
SWOT
S=Strength
เป็น เคื่องดื่มที่ยอมรับกันทั่วโลก
W=Weakness
เป็นเครื่องดื่มสำหรับทุกเพศทุกวัย
O=Opportunity
ในปัจจุบันมีการคิดค้นรูปแบบของภาชนะที่ใส่ออกมาหลากหลายเพื่อดึงดูดผู้คนให้เกิดความสนใจ
T=Threat
สภาพเศษฐกิจในปัจจุบันค่อนค้างตกต่ำ และ สินค้าระดับนี้ค่อนข้างมีราคาสูง
3.วัตถุประสงค์ (Objective)
-1.สร้างจุดเด่นให้กับสินค้า
-2.ให้กลุ่มเป้าหมายเลือกซื้อสินค้า
4.กลุ่มเป้าหมาย (Main Target)
กลุ่มนักดนตรีทั่วโลกและผู้คนที่เข้าชมที่เหน็ดเหนื่อยจากการร้องเพลง การเต้น โดยดื่มได้ทุกเพศทุกวัย และสามารถนำมาเป็นเครื่องดื่มที่แก้ในการกระหายได้
5.แนวความคิด (Concept)
ความสดชื่นแบบเบาๆ
6.เหตุผลสนับสนุนแนวคิด (Support)
เป็บซี่เป็นเครื่องดื่มที่มีความซ่าอยู่ในตัวจึงทำให้เมื่อได้ลิ้มลองรสชาติก็จะเกิดความสดชื่นที่คิดจะทำอะไรก็ทำอย่างเต็มที่โดยความสดชื่นที่ถ่ายทอดออกมาจากตัวเราและยังเป็นสินค้าที่มีราคาเบาเบาไม่มากจนเกินไปจึงทำให้มีผู้บริโภคทั่วโลก
7.อารมณ์และความรู้สึก (Mood & Tone)
สดชื่นแบบไม่มีขีดจำกัด
8.ผลตอบสนอง (Desired response)
มีความโด่ดเด่นของสินค้าและเป็นที่ยอมรับแก่ผู้บริโภคทั่วไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)